MAHASUMRAN SOUNDCHECK LIVE AT CMU MUSIC FEST ! -> CREDIT PHOTO BY : NAI

CREDIT YOUTUBE VIDEO : BY Nathapon Chanthananon & TRP CMU

“ผมว่าผมยังเล่ารายละเอียดได้ไม่หมดหรอก ซักวันนึงคงจะมาเติมให้มันครบ”

เมื่อ วันก่อน ตอนนี้
ผมกับเพื่อนๆ ยืนอยู่ข้างๆเวที
พร้อมกับแสงไฟจาก Spotlight สาดสลัว ,วงก่อนหน้า ที่ เวทีข้างๆกำลังเล่นอยู่
กับคนดูที่มีปริมาณเยอะกว่างานไหนๆที่เล่นมา

ความรู้สึกทั้งตื่นเต้น ล๊ก วุ่นวายใจ
กับสิ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อน
ความกดดัน และความกังวล ก็คงก่อตัวในใจหลายต่อหลายคนในวง ไม่มากก็น้อย

จำนวนผู้คนมหาศาลที่มีความคาดหวังกับเรา
ไม่ได้ทำให้เรากังวลมากไปกว่า
การจะนำสาส์น ที่เราต้องการสื่อออกไป
ส่งให้ถูกต้อง และ ถึงคนให้เยอะที่สุด

มันจะไปรอดไหม ?

PANORAMA VIEW จากเวที

ผมยืนอยู่ตรงนั้นแหละครับ

กำลังเตรียมตัวจะขึ้นแสดง

ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า
มันจะออกมาดีขนาดนี้

ผมเองก็ไม่เชื่อ กับ สิ่งที่ วง ได้ทำลงไป
และผมไม่ได้อยู่ดูสิ่งที่เกิดขึ้น ในช่วงแรกๆที่ผ่านมา
แต่ก็ยังดีนะ ที่ได้กลับมาเห็น ช่วงเวลาดีๆ
ที่เพื่อนๆ พยายามจะบอก ( แต่ผมไม่เชื่อขนาดนั้น  )ว่า
” เห้ยเราออกเดินมาได้ไกลซักพักละนะเว้ย ”

มันก็ไม่ไกลมากหรอกนะครับ ในเส้นทางดนตรี

. . . .
มันเริ่มจากการเล่นดนตรีในโรงเรียน ที่ ผมได้เจอคนเก่งๆ เยอะแยะ
บ้างก็ชวนไปเล่นหลากหลายแนว
เผอิญว่า กับเพื่อนๆกลุ่มนี้ เราเป็นวงที่แข่งขันกันมาก่อน
จนสุดท้าย ได้มีโอกาสมาร่วมงานกัน

ร่วมงานกัน คนสองคนบ้าง สลับเวียนเจอหน้ากันบางงาน

———————————————————————————-
บันทึก :

มหาสำราญฯ ที่ผมจำความได้ เป็นวงของห้อง 4 ซะส่วนใหญ่
(ตัวผมอยู่ ห้อง 1 ส่วนใหญ่จะทำวงที่รวมคนจากต่างห้องมากกว่าเล่นวงห้องตัวเอง)
ทำเพลงที่มีความหมายดีๆ โดนๆ มาซักพักละ
โดยมี ไม้ (เพื่อนที่เล่นดนตรีด้วยกันมา ตอน ม.ต้น) เอาเพลงมาให้ลองฟัง
จำได้ว่า วันนั้น มันเป็นวันนึงใน ม.6

เพื่อนๆกลุ่มนี้นั่งเล่น กีตาร์ (รู้สึกว่าจะเป็น อูคูเลเล่ ด้วยซ้ำมั้ง)
กับเพลงที่มีชื่อ ดู “ออกไปนอกโลก” นิดนึง
เราเองก็คิดว่าเราไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนกลุ่มนี้เท่าไร (แต่ก็เคยออกงานด้วยกัน – เอ๊ะ มันยังไง)

แต่ก็ไปนั่งฟัง และ ก็พูดคุยกันว่า เห้ย มันโอเคดี มันเจ๋ง
ผมก็กลับไปทำ Cover เปียโนขำๆ

จนกระทั่ง พวกเราจบ ม.6  และ ผ่านงาน Prom รุ่น

ผมพบว่า

วงนี้ มี power และ motivation อยู่ในตัวสูงมาก และไอเดียกับการสร้างสรรค์ มันตรงกับแนวเรา
ยังไม่รวมถึง ความสนุกที่สร้างกับคนดูในตอนนั้น (ตอนที่ยังไม่มีเพลงเป็นของตัวเอง)

ผมจึงเอ่ยปากบอกเพื่อนคนนึงในวงว่า
“คราวหน้ามีงานอะไร กูช่วยได้นะ”
หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็มีโอกาสได้ไปทำเพลงกับเพื่อนๆกลุ่มนี้
โดยมีความช่วยเหลือ (ที่ นักร้องนำ ไปหามาจากไหนก็ไม่รู้) จาก นัท กับ สาธิต Opposite วงจาก รร.ดารา
มาช่วยทำ เพลงแรก

เพลงแรก ” FLOWER ROAD “

หลังจากนั้น พอเรารวมคนในครบวงจริงๆจังๆแล้ว

เราก็เริ่มทำเพลงที่สองด้วยกัน

ได้ไปลองเช่าสตูดิโอหรูๆมาอัดเพลงคุณภาพ

มีความผิดพลาดเกิดขึ้น

แต่ละคนยังไม่รู้ และไม่มีประสบการณ์

เล่นหลุดกันไม่รู้กี่รอบ

บางครั้ง ก็ต้องย้ายไปอัดวันอื่นเพราะยังไม่คล่องพอ

อัดเพลง สารภาพ กับ ช่วงเวลาเวิ่น หลัง Outtake รัวเกิน

แต่พี่โปรดิวเซอร์ก็เก่งมาก ที่จัดการกับ “พวกมือใหม่” อย่างพวกเราจนอยู่หมัด
(แม้ว่าจะโดนค่าอัดไปเหมือนรับหมัดก็ตาม)
เพลงที่ตอนแรกผมว่า มันก็ฟังเพราะดี

ปกติก็คงจะอยู่ในหมู่เพื่อน 5-6 คน
แล้วมันก็คงเก็บลงกรุไป ซักวัน

แต่มันไม่ใช่

เราใส่ไอเดียบางอย่างลงไป
ผ่านการถกเถียงกับ เพื่อนๆ เพื่อหาจุดที่พอดี
อาจมีปากเสียง
อาจมีการทะเลาะกันระหว่างทำงาน
อาจมีการไม่ไว้ใจกัน
และมีการพิสูจน์ตัวเองเพื่อซื้อใจเพื่อนคืน

บอกผ่านการเล่าเรื่องราวประสบการณ์เยอะแยะมากมาย
ที่แต่ละคนได้ไปเจอ
ผ่านทางเสียงเพลง
เหมือนเป็นสมุดจดบันทึก

ที่หวังเล็กๆว่ามันจะเป็นความสุขของตัวเอง
หรือไม่ก็เป็นเรื่องราวให้คนอื่นๆ ได้รับรู้
เมื่อเวลานานไปผ่านกลับมาเจอมัน

มันไปได้ไกลกว่านั้น
ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้มัน Touch ใจ คนได้ขนาดนั้น
ผมพยายามจะเก็บรายละเอียดกับสิ่งที่ผมทำไปบนเวที
พยายามกันข้อผิดพลาดทุกๆอย่าง

และซึมซับช่วงเวลาดีๆ บนนั้น
บทเพลง มันมีความหมายต่อผมมากๆ และก็มีคนที่เข้าใจ

เสียง ที่คนดูร้องตามได้ในวันนั้น

มันเป็นแรงผลักดันจริงๆ

เป็นแรงมหาศาลที่ทำให้เราอยากทำงานตรงนี้ต่อไป

/me ตอนอัดเพลง ย้อนเวลา ที่สำคัญคือเพื่อน ที่ไม่ทิ้งเรา และยังพร้อมจะเดินไปด้วยกัน หรือแม้แต่จะรับเราเข้ามา ตอนเราแวะออกนอกเส้นทางไปบ้าง แถลงข่าว งาน โคตรอินดี้

ขอบคุณที่ทำให้พวกเราได้เจอกัน

และจะต้องเจอกันต่อไปอีกนานเลยหล่ะ ~ ! 😀

ติว

ถึง มหาสำราญบานบุรี และ คนดูคนฟังทุกคน